วันพุธที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2556

การออกเสียงสระและพยัญชนะ

การออกเสียงสระและพยัญชนะ
      ในการร้องเพลง ความไพเราะของเพลงแต่ละเพลงนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับการที่นักร้องมีเสียงที่ไพเราะเพียงอย่างเดียวเพราะการร้องเพลงถือเป็นสิ่งสำคัญในการสื่อความหมายไปยังผู้ฟัง เพื่อให้ผู้ฟังเกิดอารมณ์คล้อยตามไปด้วยได้เนื้อเพลงก็นับว่าเป็นปัจจัยสำคัญอีกปัจจัยหนึ่ง ที่สามารถถ่ายทอดความหมายของบทเพลง ดังนั้นการที่นักร้องจะสามารถสื่อความหมายของบทเพลงไปยังผู้ฟังได้จึงจำเป็นที่จะต้องรู้จักความหมายของเนื้อเพลงเป็นอย่างดีทั้งควรจะเป็นผู้ที่สามารถสื่อคำได้อย่างชัดเจนถูกต้อง

การออกเสียงสระ
      การให้ความสำคัญในการออกเสียงสระในคำ จะทำให้เกิดความชัดเจนในคำ การทำความรู้จักกับสระ จะทำให้เราสามารถที่จะเลือกวิธีการออกเสียงได้ เพื่อเน้นให้คำนั้นยาว หรือสั้น โดยที่ไม่ผิดความหมาย
และเกิดความไพเราะ เช่น คำว่า "มา" เป็นคำที่เกิดจากพยัญชนะม. ม้า และสระ อา ดังนั้นเมื่อเราต้องการลากเสียงให้ยาว เราจะต้องลากเสียงที่สระ "อา" หรือ คำว่า "เดียว" เกิดจากพยัญชนะ ด. เด็ก และสระ อี+อา+อู หากต้องการลากเสียง คำว่าเดียวให้ยาวเราจะสามารถเลือกได้ว่าจะลากอย่างไรให้เกิดความไพเราะ อาจเป็น"ด+อี+อา..........+อู" ก็ได้ หรืออาจเป็น "ด+อี............+อา+อู" หรือ "ด+อี.......+อา....+อู" แต่ไม่ควรเป็น "ด+อี+อา+อู...................." เพราะการที่เราเลือกที่จะลากสระตัวสุดท้ายตัวเดียว โดยไม่ได้ใส่ใจกับสระในคำที่มีถึง 3 ตัวนั่นย่อมหมายถึงการไม่ใส่ใจรายละเอียดของบทเพลงเพราะคำหนึ่งพยางค์ที่มีสระให้เลือกใช้มากกว่า 1 ตัวย่อมต้องการให้เราใช้สระในคำให้มากที่สุดการวิเคราะห์การออกเสียงสระนอกจากจะได้คำที่ชัดเจนแล้ว ยังเป็นการเปิดโอกาสให้เราสามารถ"สร้างภาพ" ในขณะร้องเพลงได้อีกด้วยเพราะคำบางคำเราสามารถยิ้มไปด้วย ในขณะร้องได้ เพื่อให้ดูสวยงามและสอดคล้องกับความหมายของบทเพลง ในขณะที่ขับร้องเราไม่สามารถที่จะบอกได้ว่าควรจะอ้าปากแค่ไหน เพื่อให้ได้เสียงสระที่ชัดเจนและรูปปากดูสวยงาม ดังนั้นจึงขอแทนค่าการใช้ริมฝีปากและขากรรไกรในขณะเปล่งเสียงด้วยตัวเลข 1-4 ซึ่ง หมายถึงการใช้อวัยวะส่วนนั้นๆอย่างเต็มที่และลดลงเรื่อยๆตามค่าของตัวเลข เช่น ริมฝีปาก = หมายถึง การเปิดริมฝีปากให้กว้าง โดยการยิ้มแบบยกมุมปากให้เห็นโหนกแก้ม, ขากรรไกร = 4 หมายถึง การเปิดขากรรไกรให้กว้างโดยการอ้าปากมากๆ

ตารางแสดงการทำงานของริมฝีปากและขากรรไกร
สระ          ริมฝีปาก             ขากรรไกร
อี                   4                        1
เอ                  4                        2
แอ                 4                        3
อา                 4                        4
ออ                 3                        4
โอ                  2                       4
 อู                  1                        4

การออกเสียงพยัญชนะ
          ถ้าเปรียบสระเหมือนเนื้อหนังพยัญชนะก็เปรียบเหมือนกระดูกหมายถึงสิ่งที่ต้องอยู่คู่กัน ความสำคัญของการใช้สระและพยัญชนะเป็นสิ่งที่เท่าเทียมกันในหลักการออกเสียงนั้นหากเราเน้นพยัญชนะมากเกินไป อาจทำให้คำที่พูดออกมาเกิดความกระด้าง เสียงขึ้นจมูกหรือลงคอ อาทิ "น" "ม" "ง" "ต" เป็นพยัญชนะที่เป็นนาสิกโทนหรือเสียงขึ้นจมูก ซึ่งไม่ควรออกเสียงเน้นที่พยัญชนะนั้นเป็นเวลานาน เพราะจะทำให้เสียงที่ได้ออกมาเป็นเสียงขึ้นจมูก ในเพลงสากลการออกเสียงเป็นสิ่งที่สำคัญและยากมาก เพราะมีลักษณะการใช้งานไม่เหมือนภาษาไทย มีการใช้อวัยวะส่วนปาก ฟัน ลิ้น ผิดจากพยัญชนะในภาษาไทยเช่น "V" คำว่า "van" คนไทยหลายคนอ่านว่า "แวน"แต่คำว่า Volk (รถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง) คนไทยกลับอ่านว่า "โฟล์ค"เลยไม่รู้ว่าควรอ่านตัว "V" โดยใช้พยัญชนะตัวไหนซึ่งแท้ที่จริงแล้วพยัญชนะตัว "V" เวลาออกเสียงเป็นภาษาไทยต้องออกเป็นตัว "ฟ+ว" ควบกล้ำกัน เป็นต้น
                 เทคนิคการร้องเพลงร้องเพลงมีสิ่งที่ต้องคำนึงถึงมากมายซึ่งถ้าเราเรียนรู้องค์ประกอบต่างๆแล้ว ก็สามารถที่จะนำมาใช้ในบทเพลงได้ การที่จะร้องเพลงสักเพลงหนึ่ง การควรที่จะศึกษาบทเพลงนั้นๆ ด้วยความละเอียดอ่อน อาจจะร้องทีละวรรคพิจารณา ความหมาย, ทำนอง, จังหวะ รวมไปถึงอารมณ์ของบทเพลง การฝึกซ้อมกัยบทเพลงจริงๆนั้น เป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะถือเป็นการนำสิ่งที่เราสามารถเรียนรู้ได้จากทฤษฎี มาฝึกปฏิบัตให้เกิดความเคยชินสามารถนำเทคนิคต่างๆ มาใช้ได้อย่างสมบูรณ์ยิ่งขึ้นทั้งนี้ครอบคลุมไปถึง ความถูกต้องในการใช้สระและพยัญชนะในภาษา การควบคุมลมหายใจ การสร้างพลังในการขับร้องการควบคุมระดับความสูงต่ำของเสียงไม่ให้เพี้ยนคุณภาพของเนื้อเสียง ความหนัก-เบา ในการใช้น้ำเสียง

ขั้นตอนในการต่อเพลง
1. อ่านเนื้อเพลงทั้งหมดก่อน และทำความเข้าใจกับความหมายของเนื้อร้องโดยละเอียด ว่ามีอารมณ์อย่างไร เศร้า สุข สนุกสนานซึ่งการอ่านเนื้อเพลง จะทำให้เราสามารถเลือกใช้น้ำเสียงtone เสียงให้เหมาะกับบทเพลงได้

2. ฟังทำนองของบทเพลง เพื่อให้เกิดความเคยชิน และสามารถรับรู้ได้ ถึงความหนักเบาของบทเพลง ในแต่ละท่อนได้ เพื่อให้เราสามารถเลือกใช้ และกำหนดความหนัก-เบา (Dynamic) ของน้ำเสียงได้

3. หา Form ของเพลงในแต่ละเพลงว่ามีลักษณะอย่างไรมี Intro,Solo,Ending กี่ห้อง มีการจัดวางท่อนของบทเพลงอย่างไรเพลงที่จะร้องเป็นคีย์ใด มีระดับเสียงสูงหรือต่ำเหมาะสมกับเสียงของเราหรือไม่

4. ซ้อม-เก็บรายละเอียดต่างๆ ที่จำเป็นในการร้องเพลง อาทิ การหายใจ น้ำเสียง เพื่อที่จะนำมาใช้จริงในบทเพลง เพื่อให้ได้การฝึกซ้อมอย่างมีประสิทธิภาพการขับร้องเพื่อให้ได้เสียงที่มีคุณภาพ  การขับร้องให้ได้เสียงที่มีคุณภาพนั้นหมายถึง การขับร้องให้ได้เสียงที่ชัดเจน ทั้งระดับเสียงที่คงที่ไม่แกว่ง ระดับความสูงต่ำของโน้ตที่ถูกต้องตามเมโลดี้การควบคุมจังหวะในการร้องเพลง ความหมายที่ถ่ายทอดออกมาฯลฯ  การสร้างเสียงให้ได้คุณภาพนั้นเราสามารถทำได้โดยเน้นให้เสียงแต่ละเสียงที่ถูกเปล่งออกมาเป็นไปตามขั้นตอนดังนี้
          4.1.ขณะที่เราร้องเพลง ควรรู้สึกว่าเสียงที่เปล่งออกมานั้นให้ความรู้สึกที่พุ่งออกไปข้างหน้า (Projection)และมีจุดรวมกันอยู่ ณ ที่ใดที่หนึ่งบนบริเวณใบหน้าหรือส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย (Registration) แล้วแต่ Tone ของเสียงที่เราจะเปล่งออกมาRegistration ของเสียงจะเปลี่ยนไปตาม Toneของเสียงนั้นๆ แต่ควรระวังไม่ให้ Registrationของเสียงไปตกอยู่ที่ลำคอหรือจมูก เพราะจะทำให้เกิดอาการเกร็งไปโดยอัตโนมัติ ทำให้เสียงที่ได้เกิดความกระด้างไม่น่าฟัง
          4.2. ควรยืนให้ลำตัวตรง (Hold body) หลังตรง ยืดอก ไหล่ผายหน้าตรง ไม่เกร็งส่วนใดส่วนหนึ่ง เพื่อให้ปอด กระบังลมลำคอ ปาก ลิ้น ขากรรไกร ทำงานได้อย่างสะดวก ปกติและเต็มประสิทธิภาพ และนอกจากนี้ ยังเป็นการเสริมให้เราเป็นนักร้องที่มีบุคลิกภาพที่ดีอีกด้วย
           4.3.คิดถึงบรรยากาศ สร้างจินตนาการ (Imagination) ตามความหมายของเนื้อเพลงเพื่อให้เสียงที่เปล่งออกมาสามารถสื่ออารมณ์ได้อย่างมีชีวิตชีวา
           4.4 ถ่ายทอดอารมณ์ตามบทเพลง เพลงแต่ละเพลงจะแสดงออกถึงความรู้สึกของผู้ประพันธ์เพลงต่างกันผู้ขับร้องจึงควรถ่ายทอดอารมณ์จากบทเพลงให้ถูกต้องตามความหมายของบทเพลงแต่ละเพลง เพลงรักก็ต้องร้องให้อยู่ในอารมณ์รักสามารถใช้น้ำเสียงสื่อถึงความหมายและอารมณ์ของบทเพลง ทำให้ผู้ฟังเกิดความรู้สึกคล้อยตามได้ดังนั้นก่อนที่นักร้องจะเริ่มทำการขับร้อง จึงควรศึกษาความหมายของบทเพลง ให้เกิดความเข้าใจแจ่มแจ้ง เพื่อที่จะสามารถขับร้องออกมา ได้ตามความหมายของบทเพลง



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น